Skip to main content

Book and Bingo



 ในช่วงปิดภาคเรียนซัมเมอร์นี้ ทางโรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ น้องบุ๊ค และน้องบิงโก ศิษย์เก่าของฮีทฟิลด์ซึ่งได้รับทุนการศึกษาจาก  โรงเรียน The Church Farm School ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นนักเรียนไทย 2 คนแรกที่ได้รับทุนการศึกษา และสามารถสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้แก่วงศ์ตระกูลรวมถึงโรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ด้วย


ตลอดระยะเวลาที่ทั้งคู่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียน The Church Farm School ถือได้ว่าเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและกิจกรรม เพราะได้รับรางวัลมากมายจากทางโรงเรียนมาโดยตลอดจนจบการศึกษาระดับมัธยม ที่ The Church Farm School ปัจจุบันทั้งคู่ศึกษาอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ในสาขา ธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business) ที่มหาวิทยาลัย Elizabethtown College, เมือง ฟิลาเดเฟีย ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา


ทราบมาว่าน้องบุ๊ค และน้องบิงโก เรียนโรงเรียนนานาชาติมาก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่ โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ เพราะเหตุใด จึงตัดสินใจย้ายมาที่โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ครับ"

บุ๊ค: “ตอนนั้นผมรู้สึกว่าคุณครูที่โรงเรียนเก่าดูแลนักเรียนได้ไม่ทั่วถึงครับ ทำให้บรรยากาศการเรียนให้ห้องน่าเบื่อ และคุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนผมอยู่โรงเรียนเก่าผมออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ชัด ซึ่งทำให้ท่านเป็นกังวลอย่างมากถึงการใช้ภาษาอังกฤษในอนาคต"

บิงโก: “ตอนที่ผมกับพี่ชายเข้ามาดูโรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ ผมประทับใจบรรยากาศการเรียนการสอนที่นักเรียนในห้องตั้งใจเรียนกันทุกคน และผมก็ประทับใจในคุณครูใหญ่ในเวลานั้นด้วยครับ ท่านบอกว่าถ้าเรามาเรียนที่ฮีทฟิลด์เราจะได้อะไรจากที่นี่บ้าง ด้วยความที่ท่านเป็นคุณครูใหญ่ที่น่าเคารพและเข้าใจเด็กๆเป็นอย่างดี ทำให้ผมประทับใจในโรงเรียนนี้เป็นอย่างมาก พอกลับไปถึงบ้านผมเลยบอกคุณแม่ว่าผมชอบบรรยายกาศของโรงเรียนนี้ อยากเรียนที่นี่ครับ


 “พอย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์แล้วรู้อย่างไรบ้างครับ?”

บิงโก: “ผมรู้สึกว่าตัวเองสนุกกับการเรียนมากขึ้นครับ เพราะครูที่ฮีทฟิลด์จะคอยให้กำลังใจนักเรียนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผมไม่ย่อท้อกับการเรียน ยิ่งไปกว่านั้นคุณครูที่นี่จะสนันสนุนให้นักเรียนทำกิจกรรม และ เล่นดนตรีที่ตัวเองชื่นชอบ ควบคู่ไปกับการเรียน  ผมเลยไม่เครียดกับการเรียนจนเกินไปครับ"

บุ๊ค: “ผมชอบที่ครูสนับสนุนให้นักเรียน อ่านหนังสือมากขึ้นครับ  เพราะตอนที่เรียนที่นี่ท่านจะให้อ่านหนังสือนอกเวลา(Outside reading) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมีนิสัยรักการอ่าน เมื่อผมอ่านหนังสือมากขึ้นเลยทำให้ทักษะการเขียนดีขึ้น และอ่านหนังสือได้ไวขึ้นด้วยครับ อีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบคือ ที่โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์จะเน้นการสอนแบบให้นักเรียนเข้าใจ พอผมเราเข้าใจบทเรียนแล้วก็จะสนุกกับการเรียนมากครับ"


จุดเริ่มต้นของความคิดไปเรียนต่อต่างประเทศมาจากตรงไหนครับ?”



บิงโก: "ตอนนั้นผมไปงาน International Education Fair ครับ เพราะอยากลองไปเรียนต่างประเทศ อยากเรียนรู้วัฒนธรรมของต่างชาติ และหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตังเอง ผมเลยมาปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ครับ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการหาทุนการศึกษาจากสถาบันต่างๆ"

บุ๊ค: “ตอนนั้น คุณพ่อคุณแม่ และ คุณอาทิตยาช่วยกันหาว่ามีโรงเรียนไหนบ้างที่เปิดรับสมัครนักเรียนทุนครับ จนกระทั่งพบว่าที่ The Church Farm School กำลังเปิดรับสมัครนักเรียนทุน ซึ่งโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียง และเป็นโรงเรียนประจำที่เน้นเรื่องวิชาการ และ ระเบียบวินัยของนักเรียน ผม กับ บิง เลยองส่งใบสมัครทุนที่โรงเรียนนี้ครับ"
น้องบุ๊ค กับน้องบิง โกใช้วลานานไหมครับในการเตรียมตัวสมัครเป็นนักเรียนทุน ที่  The Church Farm School?"

บุ๊ค: “ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 3 เดือนครับ เพราะตอนที่สมัครเป็นนักเรียนทุนที่ The Church Farm School ผม กับ บิต้องเตรียม Transcript ย้อนหลัง 2 ปี, หมายรับรองจากคุณครูที่ โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ 2 ฉบับ (letter of recommendation), ผลสอบ SSAT (The Secondary School Admission Test) ครับ"


“วิธีการสอบเข้าของที่นี่เป็นอย่างไร?”
บิงโก: “สมัครทางอินเตอร์เนตครับ ขั้นตอนแรกคือสอบสัมภาษณ์กับทางคุณครูของที่โรงเรียน CFS ก่อนผ่านskype  พอเราผ่านสอบสัมภาษณ์แล้ว จึงมีการสอบข้อเขียนต่อจากนั้นครับ “



พอรู้ว่าทั้งคู่ได้รับทุนจาก The Church Farm School  แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”

บิงโก: “ผมรู้สึกตื่นเต้นครับ ดีใจมากครับที่ได้รับทุนจาก The Church Farm School รู้สึกภูมิใจด้วยเพราะเราเป็นนักเรียนไทย 2 คนแรกที่ได้เข้าเรียนที่นี่"


บุ๊ค:  “รู้สึกว่าตังเองยังไม่พร้อมครับ เพราะตอนแรกกลัวการเปลี่ยนแปลง ตอนนั้น ผมอายุ 16 ส่วนบิง อายุแค่ 14 ปีครับ"


ตอน เข้าไปเรียนปีแรกๆต้องเรียน ESL ด้วยหรือเปล่า
บุ๊ค: “ไม่ต้องเรียนครับ เพราะตอนที่สอบเข้าที่นี่ คุณครูเค้าบอกว่าเราฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ดีมาก คะแนนผ่านเกณฑ์ที่ไม่จำเป็นต้องเรียน ESL



ช่วยเล่าบรรยกาศของ The Church Farm School ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?”

บุ๊ค: “ เนื่องจาก The Church Farm School เป็นโรงเรียนประจำ ชีวิตนักเรียนประจำที่นั้นจึงต้องมีระเบีบมากครับ ต้องตื่นตอน 6 โมงเช้าทุกวันเพื่อให้ทัน อาหารเช้าตอน 7โมง45 ครับ หลังจากนั้นก็ต้องเข้าเรียนจนถึง บ่าย 2 โมง 50  แล้วต้องไปเข้าคลับเพื่อเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมกับเพื่อนๆครับ ซึ่งทำผมกับบิงมีเพื่อนมากขึ้นครับ ส่วนเวลาหลังอาหารเย็นก็ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้านจนถึง 4 ทุ่ม ครับถึงจะได้เข้า นอน"



"แล้วการเรียนการสอนของที่ The Church Farm School เป็นอย่างไงบ้างครับ?”

บิงโก: “ผมชอบวิธีการสอนของครูที่นั้นมากครับเพราะ คุณครูเขามองว่านักเรียนทุกคนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเขาเคารพต่อความคิดเห็นของเรา และเปิดโอกาสให้นักเรียนถามได้ตลอดเวลา หากเขาไม่สามารถตอบคำถามให้กับนักเรียนได้ คุณครูก็จะไปหาคำตอบมาให้จนได้ครับ และที่โรงเรียนก็จะมีการสอบย่อยอยู่เกือทุกอาทิตย์ครับ เพราะฉะนั้นที่อเมริกาจึงค่อนข้างเรียนหนักมาก อย่างที่คนอเมริกาชอบพูดกันว่า  Work Hard Play Hard ครับ"


"ตอนย้ายไปเรียนที่นั่นใหม่ๆ มีปัญหาเรื่องเรียนตามเพื่อนไม่ทันบ้างไหมครับ?”

บุ๊ค: “มีอยูุ่บ้างครับ เนื่องจากหลักสูตรของอเมริกัน วิชาคณิตศาสตร์จะเรียนต่างจากหลักสูตรอังกฤษครับ แต่ผมกับบุ๊คใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวครับ เพราะเรามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่ดีมาจากโรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์อยู่แล้ว อีกวิชานึ่งที่ค่อนข้างใหม่สำหรับผม กับ บิงคือ วิชาประวัติศาสตร์อเมริกา"

บิงโก: “ครับ ตอนที่ผมเรียนหลักสูตรอังกฤษที่โรงเรียนฮีทฟิลด์ คุณครูจะไม่เน้นประวัติศาสตร์อเมริกามากนัก พอมาเรียนที่อเมริกาเลยต้องอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากหน่อยครับ โชคดีที่ โรงเรียนฮีทฟิลด์ฝึกอ่านหนังสือนอกเวลาประจำ จึงเป็นคนที่อ่านหนังสือค่อนข้างไวครับ และทำให้ผลการเรียนโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดีด้วยครับ"



“ระหว่างที่เรียน บุ๊คได้รางวัลอะไรบ้าง?”
บุ๊ค : “ เป็นรางวัลที่ได้ตอนจบปีการศึกษาของแต่ละปีครับ เกี่ยวกับด้านการเรียนที่ได้เกรดเฉลี่ยในเกณฑ์ที่โรงเรียนตั้งไว้”


ต้องเรียนหนัก และ ผลการเรียนก็ออกมาดีทั้งคู่ ไม่ทราบว่า น้องบิง โก และ น้องบุ๊ค มีวิธีการคลายเครียดจากการเรียนอย่างไบ้างครับ?”

บุ๊ค: “ผม กับ บิงจะชอบเล่นเปียโนครับ ตอนผมเด็กๆ ผมเป็นเด็กสมาธิสั้นครับ เลยต้องกินยา แต่คุณแม่เห็นว่าเมื่อกินยาแล้วมักจะซึม คุณแม่เลยให้หันมาเล่นเปียโนแทน เพื่อฝึกสมาธิครับ พอมาเรียนที่อเมริกาแล้วได้มีโอกาสไปเรียนเปียโนกับ Mr. Gary Gress ที่ Curtis Institute of Music

Mr. Gary เป็นครูที่วิธีการสอนที่ไม่น่าเบื่อ และเป็นครูที่สร้างแรงบันดาลใจนักเรียนทุกคน ผม กับ บุ๊คจึงหันมาใช้เวลาซ้อมเปียโนมากขึ้น บ้างครั้งเวลาที่โบสถ์มีงาน เราก็ไปเล่นเปียโนให้ครับ"

บิงโก: “นอกจากเปียโนแล้ว ผมชอบเล่นเทนนิสด้วยครับ เพราะเป็นกีฬาที่สนุก"


ทราบมาว่าน้องบิงโกได้ราวัลนักกีฬาเทนิสดีเด่นจาก The Church Farm School มาด้วย มีราวัลอะไรบ้างครับ?”

บิงโก: “ผมได้รับราวัล 2 รางวัล จาก CFS ครับ คือ รางวัล Most Improved Tennis Player 2009 และ JV Tennis Coach’s Award 2010 ครับ”       
          

“เมื่อวันที่จบการศึกษา บิงโกเป็นนักเรียนคนเดียวของ  CFS ที่ได้รับรางวัลถึง 3 รางวัลซ่อน ตั้งมีการก่อั้งโรงเรียนมา ไม่วะมีอะไรบ้างครับ?”

บิงโก: “ ครับ 3 รางวัลมี
-  The Roger Jay Walker Memorial Award in Commencement
- The 46th Guy Mariner Award in Commencement
- The Headmaster’s Watch in Commencement


ปัจุบันทั้งคู่เรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ในสาขาไหนครับ?”

บิงโก: “ตอนนี้ ผมเรียนอยู่สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ International Business กำลังจะขึ้นปีหนึ่งครับ ส่วนพี่บุ๊คเรียนสาขาเดียวกัน แต่อยู่ปีสามแล้วครับ


เพราะเหตุใดจึงเลือเรียนสาขานี้ครับ?”

บุ๊ค: “ผมคิดว่ามันกลางดีครับ เพราะต้องเรียนวิชาธุรกิจพื้นฐานทุกตัวก่อน เมื่อรู้ตัวว่าถนัดสาขาไหนแล้ว ก็ค่อเลือกสาขาวิชาเฉพาะอีกทีหนึ่งครับ"

บิงโก: “ที่ผมเลือกเรียนสาขานี้เพราะอนาคตอยากทำธุรกิจครับ ตอนเด็กคุณแม่เคยทำบราวนี่มาให้เพื่อนๆที่ ฮีทฟิลด์ชิม เพื่อนๆชอบมาก เลยลองเอามาขายครับ ขายได้ประมาณ 3 เดือน รู้สึกสนุกครับ แล้วอีกเหตุผลหนึ่ง ผมชอบวิชาคณิตศาสตร์ด้วยครับ สาขาธุรกิจต้องมีการคำนวณเกือบทุกวิชา เลยสนใจเรียนสาขานี้ครับ



"สุดท้ายน้อง บุ๊ค และ น้องบิงโก อยากบอกอะไรกับเพื่อนที่อยากไปเรียนต่อที่เมืองนอกบ้างครับ?”

บุ๊ค: “ผมอยากบอกเพื่อนๆว่าอย่าไปกลัวในสิ่งที่เรายังไม่ทำ และอย่าไป limit ตัวเองว่าเราทำได้แค่นี้ เพราะผมเชื่อว่า ทุกคนมีความสามารถที่เท่าเทียกัน เมื่อเราได้พยายามทำตามความฝันของเราแล้ว สุดท้ายสิ่งที่ฝันไว้ก็จะเป็นของเราเองครับ




บิงโก: "ครับแล้วคนที่จะภูมิใจในตัวเราที่สุด ก็คือคุณพ่อและคุณแม่ของเราครับ ซึ่งท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเราทุกคนครับ"


Comments

Popular posts from this blog

วิธีการรับมือกลับการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น

วัยรุ่น เป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ สังคม และอารมณ์  เกิดขึ้นก่อนที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางจิตใจ โดยผ่านกระบวนการพัฒนาการด้านต่างๆรวมไปถึงการมีเอกลักษณ์ของตนเอง ( Identity) การมีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง (Independence) การรู้จักและควบคุมอารมณ์ของตนเอง และการมีมโนธรรมที่เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม ( Conscience) ตลอดจนสามารถมีความรักความผูกพันกับเพื่อนและเพศตรงข้ามได้อย่างเหมาะสม ( Intimacy) ซึ่งโดยส่วนมากแล้ววัยรุ่นสามารถผ่านกระบวนการนี้ไปได้ด้วยดี แต่อาจมีวัยรุ่นบางส่วนที่อาจเผชิญกับปัญหาการปรับตัวเหล่านี้ที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ ปัญหาด้านอารมณ์ ดังนั้นผู้ปกครองควรทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่างๆในช่วงวัยนี้ ทั้งด้านอารมณ์ของวัยรุ่นที่ไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงง่ายและรวดเร็ว วู่วาม หงุดหงิดง่าย ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนเพศ สภาพร่างกายและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป อารมณ์ที่พบบ่อยคือ ความรู้สึกวิตกกังวล กลัวต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง อารมณ์ทางเพศที่สูงขึ้น พฤติกรรมทางเพศ รวมทั้งกลัวความเป็นผู้ใหญ่ กลัวการรับผิดชอบ การยอมรับจากเพื่อน ความขัดแย้งในการมีอิสระและ...

Loyalty starts from the top.

พ . ต . ท .  ดร .  สัญญา เนียมประดิษฐ์ ผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์  และดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับกองบัญชากลางตำรวจสอบสวนกลาง อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจและอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยต่างๆ  ส่วนอีกบทบาทหนึ่งคือการเป็น คุณพ่อ ที่ให้ความสำคัญทางการศึกษาสำหรับลูกๆทั้งสามคนอย่างมาก ลูก คือ แก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ดังนั้นก็จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกอยู่แล้ว  การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยความที่ท่านมีความชื่นชอบการศึกษาหลักสูตรอังกฤษเป็นทุนเดิม “ ระบบอังกฤษจะเน้นให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง ดึงศักยภาพของเด็กคนนั้นออกมา ไม่ใช่เอาเด็กไปฝากไว้กับระบบ แต่เอาระบบมาตามตัวเด็ก”   เพราะให้  ความสำคัญที่ตัวเด็กเป็น สำคัญ  เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์ และศึกษาในสิ่งที่ตนเองสนใจ ซึ่งพัฒนาไปสู่การเรียนรู้อย่างสมบ ู รณ์แบบ ควบคู่ไปกับความเพลิดเพลิน ใน การเรีย น รู้สิ่งใหม่ๆ              “ หลักสูตรอเมริกา มันถูกสร้างมาเป็นบล็อกๆ แบบเดียวกับหลักสูตรไทย แต...

CIS คือ อะไร ??

   หลายท่านอาจสงสัยว่า CIS คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ทำไมโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งถึงนำเสนอว่าตนได้รับการรับรองจาก CIS แล้ว เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นจะขอสรุปสั้นๆให้เข้าใจ  ดังนี้ CIS  ย่อมาจาก Council of International Schools        คือ สถาบันชั้นนำอันดับหนึ่ง ที่ประเมินคุณภาพและรับรองมาตรฐานทางการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรอังกฤษทั่วโลก สถานบันนี้ได้มุ่งเน้นความเข้มแข็งทางด้านวิชาการ พร้อมทั้งพัฒนาความสัมพันธ์ และ การร่วมมือกันระหว่างคุณครูและผู้ปกครองอย่างดีเยี่ยม  เพราะฉะนั้นโรงเรียนที่จะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก CIS ได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความพร้อมในทุกๆด้าน ที่ตรงกับกฏเกณฑ์ที่ CIS กำหนดไว้ เช่น โปรแกรมการเรียนการสอนที่เข้มข้น ครูที่ต้องจบด้านการศึกษาและเป็นชาวอังกฤษทั้งหมด ความพร้อมของสถานที่และอุปกรณ์การสอน ที่ต้องมีคุณภาพเทียบกับโรงเรียนเอกชนชั้นนำในประเทศอังกฤษ  รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ได้มาตราฐานสากล    นอกเหนือจากนั้นโรงเรียนที่ได้รับรองมาตรฐานแล้วต้องมุ่งพัฒนาบุคลากรของโรงเรีย...