Skip to main content

ระบบ การศึกษาในเครือจักรภพอังกฤษ



แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และระดับปริญญา การศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 5 ปีถึง16 ปี เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ จะเรียนในโรงเรียนรัฐบาล สำหรับนักเรียนไทยที่จะไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ นักเรียนจะมีสิทธิเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนของเอกชนเท่านั้น
 
ปีการศึกษา
  • ภาคต้น (Autumn Term) เริ่มปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนธันวาคม
  • ภาคกลาง (Spring Term) เริ่มกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมีนาคม
  • ภาคปลาย (Summer Term) เริ่มปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม
ระดับมัธยมศึกษา  (Public School) 
รับนักเรียนอายุ 13 ปีขึ้นไป และเรียน ได้จนถึงอายุ 18 - 19 ปี รวมระยะเวลาศึกษา 5 ปี โรงเรียนมัธยมของเอกชนเท่านั้น นักเรียนทุกคนจะต้องทำการสอบวัดผลความรู้ และความสามารถเพื่อจะนำไปใช้ในการ สมัครเข้าในระดับอุดมศึกษาต่อไป ทั้งนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ และวิทยาศาสตร์ของอังกฤษเป็นผู้กำหนด โดยการสอบจะจัดโดยคณะกรรมาธิการอิสระซึ่งมี 5 คณะ โดยการสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. GCSE (General Certificate of Secondary Education) การสอบระดับนี้ จะสอบเมื่อเด็กมีอายุประมาณ 16 ปีขึ้นไป นักเรียนเลือกสอบประมาณ 6-10 วิชา เช่น วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ ศิลป ฯลฯ และผลการสอบจะแบ่งเป็น 7 ระดับ คือ Grade A, B, C, D, E, F, G ผู้ที่สอบได้ Grade C ขึ้นไปจึงจะถือว่าสอบผ่าน นักเรียนที่สอบ GCSE ได้แล้ว (อย่างน้อย 5 วิชา) หากจะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา จะต้องศึกษาต่ออีกประมาณ 2 ปี ในระดับ A Level (Advanced Level)  หรือ ระดับ The International Baccalaureate (IB) Diploma
2.1  GCE A Level (GCE Advanced)  หรือที่รู้จักกันในนาม Sixth Form Colleges  โดยใช้ระยะเวลา 2ปีและมีการสอบปลายปีในแต่ละปีการศึกษา A Level  เป็นการสอบเพื่อวัดความสามารถทางวิชาการของเด็ก ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป มีวิชาให้เลือก 50 กว่าวิชา ส่วนใหญ่นักศึกษาในระดับ A Level จะลงเรียนเพียง 2-4 วิชา เพื่อที่จะได้ศึกษาแต่ละวิชาอย่างลึกซึ้ง วิชาที่นักศึกษาเลือกเรียนมักจะเกี่ยวข้องกับหลักสูตรหรือสาขาที่ต้องการ ศึกษาต่อ ในระดับปริญญาตรี 
ผลการสอบ A Level มี 5 ระดับ คือ A, B, C, D, E แต่ Grade ที่ได้ทั้ง 5 ถือว่าสอบผ่านทั้งหมด มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่พิจารณารับผู้มีผลการสอบในระดับ C ขึ้นไป บางแห่งอาจรับเฉพาะผู้ที่ได้คะแนนระดับ A และ B
2.2  IB  The International Baccalaureate (IB) Diploma เป็นประกาศนียบัติทางด้านวิชาการระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอายุระหว่าง 16 ถึง19 ปี ให้มีความพร้อมในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ในทุกประเทศ หลักสูตรดังกล่าวเป็นหลักสูตรเข้มข้นโดยใช้เวลาเรียน 2 ปี หลักสูตรของ International Baccalaureate จะประกอบไปด้วยหกวิชาหลักๆ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาที่สอง(อาจจะเลือกเป็นภาษาของตนเองก็ได้) วิทยาศาสตร์เชิงการทดลอง ศิลปะ เลข และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้นักเรียนจะต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมอาสาพัฒนาชุมชน กิจกรรมกีฬา และงานสร้างสรรค์ทางศิลปะอีกด้วย แก่นของหลักสูตรนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3องค์ประกอบใหญ่ๆ ได้แก่
  • การเขียนเรียงความอย่างมีประสิทธิภาพ - จะมีการสอนเขียนเรียงความมากถึง 4,000คำต่อหนึ่งเรื่อง ในหัวข้อที่นักเรียนสนใจ
  • ทฤษฎีการเรียนรู้ - อีเอฟได้บรรจุและประยุกต์ใช้ปรัชญาความเข้าใจ และธรรมชาติการเรียนรู้ของนักเรียน เข้าไปในหลักสูตรและบทเรียนด้วย
  • ความคิดสร้างสรรค์ การลงมือทำ และการให้บริการ - ได้ถูกบรรจุอยู่ในชั้นเรียนต่างๆในหลักสูตร อาทิเช่น ศิลปะ กีฬา และอาสาพัฒนาชุมชน
ระดับอุดมศึกษา (Higher Education)
การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยปัจจุบันมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรมีประมาณ 96 แห่ง เป็นของรัฐบาลเกือบทั้งหมด ยกเว้น University of Buckingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียวการศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ 
Undergraduate
  • BTEC HNC/HND หรือ Diploma of Higher Education (Dip. HE)
    เป็นหลักสูตร 2 ปี ส่วนใหญ่จะเปิดสอนอยู่ใน College of Higher Education โดยมหาวิทยาลัยบางแห่ง รับเปิดรับผู้สอบ "A" Level อย่างน้อย 1 วิชา หรือสำเร็จการศึกษาระดับ National Diploma การสมัครเข้าศึกษาต่อนั้นต้องสมัครผ่าน UCAS เช่นเดียวกับในระดับปริญญาตรี
  • First Degree (Bachelor Degree)
    เป็นหลักสูตรการศึกษา 3 ปี ยกเว้นบางสาขาวิชา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ (4 ปี) สถาปัตยกรรมศาสตร์ (5 ปี) ทันตแพทย์ (5 ปี) สัตวแพทย์ (5 ปี) แพทย์ (6 ปี)
Post - Graduate

  • Post - Graduate Certificate Diploma 
    หลักสูตรการศึกษา 9 เดือนถึง 1 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเข้าศึกษาต่อ
  • Master Degree
    หลักสูตรการศึกษา 1-2 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีผลการเรียนดี
  • Doctoral Degree 
    หลักสูตรการทำวิจัย ใช้เวลาในการศึกษา 3
    ปี 

Comments

Popular posts from this blog

วิธีการรับมือกลับการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น

วัยรุ่น เป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ สังคม และอารมณ์  เกิดขึ้นก่อนที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางจิตใจ โดยผ่านกระบวนการพัฒนาการด้านต่างๆรวมไปถึงการมีเอกลักษณ์ของตนเอง ( Identity) การมีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง (Independence) การรู้จักและควบคุมอารมณ์ของตนเอง และการมีมโนธรรมที่เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม ( Conscience) ตลอดจนสามารถมีความรักความผูกพันกับเพื่อนและเพศตรงข้ามได้อย่างเหมาะสม ( Intimacy) ซึ่งโดยส่วนมากแล้ววัยรุ่นสามารถผ่านกระบวนการนี้ไปได้ด้วยดี แต่อาจมีวัยรุ่นบางส่วนที่อาจเผชิญกับปัญหาการปรับตัวเหล่านี้ที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ ปัญหาด้านอารมณ์ ดังนั้นผู้ปกครองควรทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่างๆในช่วงวัยนี้ ทั้งด้านอารมณ์ของวัยรุ่นที่ไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงง่ายและรวดเร็ว วู่วาม หงุดหงิดง่าย ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนเพศ สภาพร่างกายและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป อารมณ์ที่พบบ่อยคือ ความรู้สึกวิตกกังวล กลัวต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง อารมณ์ทางเพศที่สูงขึ้น พฤติกรรมทางเพศ รวมทั้งกลัวความเป็นผู้ใหญ่ กลัวการรับผิดชอบ การยอมรับจากเพื่อน ความขัดแย้งในการมีอิสระและ...

Loyalty starts from the top.

พ . ต . ท .  ดร .  สัญญา เนียมประดิษฐ์ ผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์  และดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับกองบัญชากลางตำรวจสอบสวนกลาง อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจและอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยต่างๆ  ส่วนอีกบทบาทหนึ่งคือการเป็น คุณพ่อ ที่ให้ความสำคัญทางการศึกษาสำหรับลูกๆทั้งสามคนอย่างมาก ลูก คือ แก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ดังนั้นก็จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกอยู่แล้ว  การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยความที่ท่านมีความชื่นชอบการศึกษาหลักสูตรอังกฤษเป็นทุนเดิม “ ระบบอังกฤษจะเน้นให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง ดึงศักยภาพของเด็กคนนั้นออกมา ไม่ใช่เอาเด็กไปฝากไว้กับระบบ แต่เอาระบบมาตามตัวเด็ก”   เพราะให้  ความสำคัญที่ตัวเด็กเป็น สำคัญ  เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์ และศึกษาในสิ่งที่ตนเองสนใจ ซึ่งพัฒนาไปสู่การเรียนรู้อย่างสมบ ู รณ์แบบ ควบคู่ไปกับความเพลิดเพลิน ใน การเรีย น รู้สิ่งใหม่ๆ              “ หลักสูตรอเมริกา มันถูกสร้างมาเป็นบล็อกๆ แบบเดียวกับหลักสูตรไทย แต...

CIS คือ อะไร ??

   หลายท่านอาจสงสัยว่า CIS คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ทำไมโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งถึงนำเสนอว่าตนได้รับการรับรองจาก CIS แล้ว เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นจะขอสรุปสั้นๆให้เข้าใจ  ดังนี้ CIS  ย่อมาจาก Council of International Schools        คือ สถาบันชั้นนำอันดับหนึ่ง ที่ประเมินคุณภาพและรับรองมาตรฐานทางการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรอังกฤษทั่วโลก สถานบันนี้ได้มุ่งเน้นความเข้มแข็งทางด้านวิชาการ พร้อมทั้งพัฒนาความสัมพันธ์ และ การร่วมมือกันระหว่างคุณครูและผู้ปกครองอย่างดีเยี่ยม  เพราะฉะนั้นโรงเรียนที่จะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก CIS ได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความพร้อมในทุกๆด้าน ที่ตรงกับกฏเกณฑ์ที่ CIS กำหนดไว้ เช่น โปรแกรมการเรียนการสอนที่เข้มข้น ครูที่ต้องจบด้านการศึกษาและเป็นชาวอังกฤษทั้งหมด ความพร้อมของสถานที่และอุปกรณ์การสอน ที่ต้องมีคุณภาพเทียบกับโรงเรียนเอกชนชั้นนำในประเทศอังกฤษ  รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ได้มาตราฐานสากล    นอกเหนือจากนั้นโรงเรียนที่ได้รับรองมาตรฐานแล้วต้องมุ่งพัฒนาบุคลากรของโรงเรีย...