ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราต้องเผชิญกับภาวะฝนตกเกือบทุกวันและก็จะตกอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กที่ถูกฝนแล้วถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีก็อาจจะเจ็บป่วยไม่สบายได้อย่างง่ายๆ
ซึ่งโรคที่พบมากในเด็กในช่วงหน้าฝนก็มีมากมาย เช่นไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก
โรคไข้เลือดออก อีสุกอีใส
และอีกหนึ่งโรคที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งคือไวรัส RSV เรามาทำความรู้จักกับเชื้อไวรัสนี้หน่อยดีกว่าค่ะ
ไวรัส RSV คืออะไร
RSV ย่อมาจาก Respiratory Syncytial Virus (RSV)
เป็นไวรัสที่พบมากและเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่มีอากาศชื้นโดยเฉพาะหน้าฝน
สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ เพียงการสัมผัสใกล้ชิด
หรือสัมผัสสารคัดหลั่งทางตาหรือจมูก และทางลมหายใจ
ดังนั้นในเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นหวัดจึงเสี่ยงต่อการรับและแพร่กระจายเชื้อไวรัสตัวนี้มาก
และเด็กเล็กสามารถได้รับเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่แรกเกิดกันเลยทีเดียว
โดยเชื้อไวรัสนี้จะมีระยะฟักตัวประมาร 2-6วัน
ถ้าได้รับไวรัส
RSVแล้วจะแสดงอาการอย่างไร
RSV ก่อโรคในทางเดินหายใจ แบ่งอาการเป็น 3 กลุ่มคือ
1.ทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบ ทำให้มีอาการคล้ายหวัด
มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล คออักเสบ
2.ทางเดินหายใจส่วนล่าง อักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ
หลอดลมฝอยอักเสบ ซึ่งมักเป็นในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ในบางรายมีอาการรุนแรง ไข้สูง หอบเหนื่อย
ซึ่งมีสาเหตุจากไวรัสตัวนี้ 40-90%รวมไปถึงปอดบวมซึ่งอาการรุนแรวมาในเด็กอายุน้อยกว่า
1ปี
3.กลุ่มอาการตายเฉียบพลันในทารก (Sudden infant death syndrome,SIDS) พบการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุแต่สงสัยว่าไวรัส
RSVอาจมีส่วนร่วมด้วย
อาการของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV จะต่างจากการเป็นหวัดธรรมดาอย่างไร
เด็กที่เป็นหวัดธรรมดาจะมีอาการเป็นแบบหวัด
คือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล กินน้ำ-นมได้
อาจกล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไอแบบมีเสมหะร่วมด้วยซึ่งจะหายได้ใน5-7วัน
แต่อาการที่เกิดจากไวรัส RSV คือ อาการหอบ เหนื่อย
บางคนหอบมากจนเป็นโรคปอดบวม หายใจหอบจนอกบุ๋ม หายใจแรงจนหน้าอกโป่ง หายใจออกลำบาก
หรือหายใจมีเสียงวี้ดแบบหลอดลมฝอยอักเสบ บางรายไอมากจนอาเจียน ซึม ตัวเขียว
กินข้าว น้ำ นมไม่ได้ทางที่ดีถ้าเด็กมีไข้ 3วันควรรีบพาไปพบแพทย์
รักษาอย่างไร
ไวรัส RSV ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
รวมถึงไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อเด็กได้รับไวรัสนี้จึงต้องรักษาตามอาการ
ทานยาลดไข้ตามอาการทุก4-6ชั่วโมงพร้อมกับเช็ดตัวลดไข้
นอนพักผ่อนเยอะๆร่างกายก็จะฟื้นตัวช้าใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะหาย
แต่หลังจากหายแล้วหลอดลมและถุงลมฝอยของเด็กจะมีอาการอักเสบได้ง่ายเมื่อติดเชื้อครั้งใหม่
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเป็นพิเศษทั้งเรื่องอาหารและการออกกำลังกายในช่วงอากาศเปลี่บนแปลง
ล้างมือให้เด็กบ่อยๆรวมถึงคนรอบข้างด้วยก็จำเป็นต้องล้างมือบ่อยๆเช่นกัน
ควรแยกเด็กที่ไม่สบายออกจากเด็กคนอื่นที่สบายดีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ไวรัสตัวนี้น่ากลัวมากเพราะถ้ามองเผินๆจะคิดว่าเด็กเป็นหวัดธรรมดา
แต่ถ้าไม่สังเกตอาการให้ดีและปล่อยไว้นานอาจจะกลายเป็นโรคร้ายที่อันตรายต่อชีวิต
ที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งคือ
มีโอกาสจะเกิดซ้ำอีกได้ถ้าเด็กร่างกายอ่อนแอซึ่งจะกระตุ้นอาการหอบจนทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังในที่สุดค่ะ
Comments
Post a Comment